บริการ ซ่อมบำรุงนอกสถานที่ มีปัญหาที่ไหน เราไปที่นั่น

บริการซ่อมบำรุงรถยนต์นอกสถานที่ เปลี่ยนน้ำมันเครื่องเรียก JUST เลย
บริการซ่อมบำรุงรถยนต์นอกสถานที่ เปลี่ยนน้ำมันเครื่องเรียก JUST เลย
เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ฟรี

วิธีแก้ปัญหาเบื้องต้น

  • เช็กน้ำมันรถอย่าให้เหลือน้อยเกินไป
  • ตรวจสอบแบตเตอรี่ว่าเหลือน้อยหรือไม่
  • เช็กสายพ่วงแบตเตอรี่ 
  • เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง 

เมื่อพบว่ารถยางรั่วจะแก้ไขอย่างไรดี ก่อนอื่นให้มองหาบริเวณที่เกิดรอยรั่ว หากเป็นรู หรือบาดแผลขนาดเล็กเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 1/4 นิ้วบริเวณดอกยาง แบบนี้สามารถซ่อมแซมได้ด้วยการปะยางรถยนต์ แต่หากเกิดบริเวณแก้มยางหรือไหล่ยาง แนะนำให้เปลี่ยนยางใหม่ และที่เสียหายอย่างรุนแรงจากการชน ควรเปลี่ยนยางใหม่ทันทีเช่นกัน กรณีมีลมรั่วแต่ไม่พบบาดแผลที่ยาง อาจเกิดจากตัวล้อ แนะนำให้พบช่างเพื่อแก้ไขให้ตรงจุด

  • กรณีที่แบตมีขี้เกลือขึ้น หรือมีผงสีขาวหรือฟ้าเกาะอยู่บริเวณขั้ว ที่รัด หัวนอตแบต ให้ดับรถ แล้วถอดสายรัดแบตออก แล้วค่อย ๆ เทน้ำร้อนลงไปบนจุดที่มีขี้เกลือขึ้น ระหว่างนั้นใช้ผ้าซับออกเพื่อไม่ให้น้ำไหลออกไปโดนชิ้นส่วนอื่น
  • หากลองพ่วงแบตเตอรี่ดูแล้ว แต่รถยังมีอาการกระตุก ติด ๆ ดับ ๆ แล้วยังรอบเดินเบา ไฟหน้าสว่างน้อยลง แอร์เย็นน้อยลง สันนิษฐานได้ว่าไดชาร์จอาจจะเสื่อมสภาพหรือชำรุด ยิ่งถ้ามีไฟรูปแบตเตอรีขึ้นเตือนบนแผงหน้าปัดแล้วล่ะก็ ให้ปิดระบบไฟฟ้าทั้งหมดในรถแล้วค่อย ๆ ขับเข้าอู่หรือศูนย์ที่ใกล้ที่สุดเพื่อให้ช่างตรวจสอบและแก้ไขอีกที แต่ถ้ารถดับจนไม่สามารถขับต่อได้แล้ว ควรโทรเรียกให้ช่างมารับหรือจะใช้บริการรถลากก็ได้เช่นกัน 
  • ยางแท่นเครื่องเสื่อมสภาพ
    สาเหตุแรกที่ทำให้เกิดปัญหาเครื่องยนต์สั่นก็คือยางแท่นเครื่องเสื่อมสภาพ เรื่องจากยางแท่นเครื่องมีหน้าที่ดูดซับแรงสั่นสะเทือนของเครื่องยนต์ หากเกิดเสื่อมสภาพขึ้นมาก็จะทำให้ประสิทธิภาพลดลงจนดูดซับแรงสะเทือนได้ไม่เต็มที่ ส่งผลให้เกิดอาการสั่นเมื่อรอบเดินเครื่องต่ำ แม้ว่าการเร่งเครื่องให้รอบเครื่องสูงขึ้นจะทำให้อาการสั่นหายไปแต่ก็ไม่ใช่วิธีแก้แบบถาวร ดังนั้นหากยางแท่นเครื่องเสื่อมสภาพ การเปลี่ยนอะไหล่ส่วนนี้ใหม่จึงจะเป็นวิธีแก้ที่ดีที่สุด
  • หัวเทียนชำรุด
    หากหัวเทียนชำรุดหรือทำงานไม่สมบูรณ์ มีหัวเทียนสูบใดสูบหนึ่งไม่ทำงานก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการเครื่องยนต์เดินไม่เรียบได้เช่นกัน ซึ่งเราสามารถเช็กสภาพหัวเทียนได้ ด้วยการสังเกตลักษณะภายนอก หากพบว่าหัวเทียนดำและแห้งแสดงว่ามีคราบน้ำมันเกาะหนา หากหัวเทียนเปียกแสดงว่าลูกสูบสึกหรอหรือหลวม หากหัวเทียนไหม้แสดงว่าอุณหภูมิสูงเกินไป และหากมีคราบขาวจับแสดงว่าไฟอ่อนเกินไป ดังนั้นเมื่อใดที่พบว่าหัวเทียนมีสภาพดังกล่าวควรเปลี่ยนหรือซ่อมแซมหัวเทียน เพื่อให้กลับมาทำงานได้เป็นปกติ
  • ท่อ Vacuum รั่ว
    ท่อ Vacuum ของรถยนต์มีหน้าที่จุดระเบิด หากท่อนี้เกิดรั่วขึ้นมาก็อาจทำให้เกิดอาการเครื่องยนต์สั่นได้เช่นกัน โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในช่วงรอบเดินเครื่องต่ำอาการสั่นจะมากกว่าปกติจนสามารถรู้สึกได้
  • ลิ้นปีกผีเสื้ออุดตันหรือสกปรก
    ลิ้นปีกผีเสื้อสกปรกหรือเกิดคราบเขม่าอุดตันเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เครื่องยนต์เดินไม่เรียบ เพราะปีกผีเสื้อมีหน้าที่ควบคุมอาการศในการเผาไหม้ หากเกิดอุดตันขึ้นมานอกจากจะทำให้เครื่องยนต์สั่นแล้วยังเป็นสาเหตุที่ทำให้รถกินน้ำมันมากขึ้นด้วย ดังนั้นหากปัญหาเกิดจากส่วนนี้ แก้ไขได้ง่าย ๆ ด้วยการถอดปีกผีเสื้อออกมาล้างได้เลย หรือหากไม่มีความรู้เรื่องเครื่องยนต์ก็สามารถนำรถเข้าอู่ให้ช่างจัดการให้ก็ได้เช่นกัน
  • มอเตอร์ควบคุมรอบเดินเบาหรือไอเดิล วาล์วสกปรก
    มอเตอร์ควบคุมรอบเดินเบาหรือไอเดิล วาล์วทำหน้าที่ควบคุมรอบเดินเบาของรถ หากเกิดสกปรกหรืออุดตันจะทำให้เครื่องยนต์มีอาการสั่น เร่งเครื่องได้ช้า เดินไม่เรียบ ทำให้เกิดความรำคาญและขับขี่รถได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ

ระหว่างที่ขับอยู่ แล้วสว่างขึ้นมา สิ่งแรกที่ควรทำ คือ หาที่ปลอดภัยเพื่อจอดรถ หรือหาอู่ หรือศูนย์ที่ใกล้ที่สุด แต่ไม่ควรเกิน 5 นาที นับจากไฟเตือนติดขึ้นมา และควรปิดแอร์ วิทยุ หรือระบบไฟฟ้าอื่นๆ ให้หมด เนื่องจากขณะนั้นระบบที่ใช้ไฟฟ้าทั้งหมดมันจะดึงไฟมาจากตัวแบทเตอรี่ ถ้าแบทเตอรี่สภาพดีเก็บไฟได้เต็ม ก็อาจจะวิ่งได้นานกว่านั้น ทางที่ดีควรหาที่จอดโดยเร็ว เพราะไม่นานเครื่องยนต์ก็จะดับ เพราะไม่มีไฟฟ้าไปเลี้ยงระบบเครื่องก็จะดับในที่สุด

กลิ่นเหม็นไหม้นี้ อาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ฟิวส์ไฟฟ้า คอมเพรสเซอร์แอร์ร้อนจัด หรือผ้าเบรกที่สึกหรอ หากรถของคุณมีกลิ่นเหมือนพลาสติกไหม้ ทางที่ดีที่สุดควรนำรถไปพบช่างผู้เชี่ยวชาญ เพื่อทำการตรวจสอบโดยเร็วและแก้ไขสายไฟหรือตรวจสอบและซ่อมแซมเบรก เพื่อให้คุณปลอดภัยบนท้องถนน

หากคุณได้ยินเสียงเครื่องยนต์ดังคล้ายเสียงเคาะแบบหนัก ๆ เป็นระยะ ๆ ให้ทำการ “แก้ไขทันที” เนื่องจากเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า “เครื่องยนต์บางอย่างสึกหรอ” ส่งผลให้รถเหวี่ยงไปมา จนทำให้เกิดเสียงดังกล่าวขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นอันตรายกับเครื่องยนต์อีกด้วย

ให้พบช่างทันที แนะนำให้ทำความสะอาดไส้กรองอากาศทุก ๆ 10,000 กิโลเมตร หรือเปลี่ยนใหม่ทุก ๆ 20,000 – 40,000 กิโลเมตร จะเป็นทางออกที่ดีที่สุด 

หากพบน้ำมันนองเต็มพื้น ไม่ควรใช้งาน ให้รีบแจ้งช่างหรือติดต่อศูนย์บริการเพื่อนำรถเข้าตรวจสอบที่มาของรอยรั่วและชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหามากขึ้นถ้าพบรอยรั่วเล็กน้อยเป็นรอยหยดไม่มาก ก็สามารถใช้งานได้ แต่ควรจะขับไปหาช่างหรือศูนย์บริการเพื่อทำการแก้ไขให้เรียบร้อยก่อนก็จะดีกว่าไม่ควรปล่อยไว้นาน

  • หากปัญหาของเราเกิดจากลมยางที่ไม่พอดี การเลือกเติมลมยางให้เหมาะสมกับรถคันนั้นๆก็เป็นวิธีการแก้ไขปัญหาอย่างง่าย โดยแนะนำว่าให้เติมลมยางตามคำแนะนำที่ติดไว้ข้างประตูรถทุกคัน เพียงเท่านี้ก็จะสามารถแก้ไขปัญหาจากลมยางได้แล้ว
  • การเลือกขนาดของล้อและยางรถ ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องพิจารณาให้ดีและเหมาะสมกับะรถของเรา ดังนั้นเราจึงไม่ควรเลือกยางที่มีหน้ากว้างเกินไปหรือแคบเกินไป พูดง่าย ๆ คือ พยายามเลือกให้เหมาะสมกับรถของเรานั้นเอง
  • การเข้าใจชนิดของยางที่เราใช้อยู่ก็นับเป็นอีกหนึ่งทางแก้ไขที่ดี เช่น หากเราใช้ยางแบบ A/T และ M/T อยู่ การเลือกเติมลมยางไม่เท่ากับค่ามาตราฐานก็อาจจะแก้ไขปัญหาช่วงล่างแข็งกระด้างได้เช่นกัน เนื่องจากยางทั้งสองแบบนี้ มีชนิดยางที่แข็งกว่าปกติอยู่แล้ว
  • ปัญหาที่เกิดจากสปริงและโช๊คอัพ การเปลี่ยนทั้งสองอย่างนี้ก็อาจจะเป็นทางออกที่ดีสำหรับการแก้ไขปัญหาความแข็งกระด้างได้เช่นกัน

ถ้ารถเร่งไม่ขึ้น ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องออกให้หมด และ ใส่น้ำมันเครื่องใหม่เข้าไปแทนเพื่อป้องกันรถเร่งไม่ขึ้น ทางที่ดีควรเปลี่ยนถ่ายเมื่อครบกำหนดทุกครั้ง โดยควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องทุก 6 เดือน หรือขึ้นอยู่กับน้ำมันเครื่องที่เลือกใช้ 

Scroll to Top