รถยนต์มือสองจาก JUST CAR ใช้งานได้ยาวนานถึง 10 ปี หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับวิธีการดูแลรักษา โดยเฉพาะเครื่องยนต์และระบบเกียร์ที่เป็นหัวใจสำคัญของรถยนต์ บทความนี้ผู้เชี่ยวชาญจาก JUST CAR จะมาเปิดเผยเคล็ดลับ 4 ข้อ ที่ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเท่านั้น แต่เป็นการดูแลรถแบบเชิงลึก ที่คนรักรถและผู้ใช้รถมือสองควรรู้ เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานรถ ช่วยให้รถยนต์ดูเหมือนใหม่อยู่เสมอ

1. เปลี่ยนน้ำมันหล่อลื่น ต้องเลือกให้ถูกเบอร์
การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและน้ำมันเกียร์ตามระยะนั้น เป็นเรื่องพื้นฐานที่หลายคนรู้กันอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ทำให้รถคุณวิ่งได้ยาวนานกว่าเดิม คือ การเลือกเบอร์น้ำมันที่เหมาะสม และการจัดการกับน้ำมันที่เก่าเกินไป
ค่าความหนืดของน้ำมัน
- น้ำมันเครื่องมีค่าความหนืด เช่น 5W-30 หรือ 10W-40 การเลือกค่าที่ถูกต้องตามคู่มือรถ (หรือสภาพอากาศร้อนของไทย) จะช่วยให้ฟิล์มน้ำมันปกป้องเครื่องยนต์ได้ดีที่สุดตั้งแต่สตาร์ทเครื่องจนถึงอุณหภูมิใช้งาน
- สำหรับรถมือสองที่มีอายุสูง (เลขไมล์เกิน 150,000 กม.) ควรปรับไปใช้เบอร์ที่หนืดขึ้นเล็กน้อยภายใต้คำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ อาจช่วยลดการกินน้ำมันเครื่องและการสึกหรอของซีลได้
น้ำมันเกียร์
- เกียร์อัตโนมัติ (AT/CVT) น้ำมันเกียร์ (ATF) มีหน้าที่หล่อลื่น ระบายความร้อน และเป็นตัวกลางในการส่งกำลัง หากน้ำมันเกียร์เสื่อมสภาพจากการใช้งานหนัก จะทำให้เกียร์ร้อนจัดและเกิดการสึกหรอเร็วกว่ากำหนด ควรเปลี่ยนถ่ายตามระยะที่ระบุอย่างเคร่งครัด (ส่วนใหญ่ทุก 20,000 – 40,000 กม.) และต้องใช้ เกรด ที่ตรงกับผู้ผลิตเท่านั้น
- เกียร์ธรรมดา (MT) แม้จะทนทานกว่า แต่ก็ต้องการน้ำมันเกียร์ที่เหมาะสมกับภาระการใช้งาน โดยเฉพาะรถกระบะที่บรรทุกหนัก
คำแนะนำจาก JUST CAR
การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์แบบยกชุด (Flush) อาจไม่เหมาะกับรถมือสองอายุเยอะ ที่ไม่เคยเปลี่ยนน้ำมันเกียร์มาก่อน ควรปรึกษาช่างผู้เชี่ยวชาญในการเปลี่ยนถ่ายแบบธรรมดาเพื่อหลีกเลี่ยงการชะล้างตะกอนที่อาจอุดตันระบบ
2. ดูแลเครื่องยนต์ไม่ให้ร้อนจนเกินไป
ปัญหาสำคัญของเครื่องยนต์และเกียร์ที่พบได้บ่อยคือ “ความร้อนสะสม” หากอุณหภูมิสูงเกินขีดจำกัด วัสดุจะเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้อายุการใช้งานลดลง
ระบบระบายความร้อนของเครื่องยนต์
- น้ำยาหล่อเย็น (Coolant) คูลแลนท์มีสารเพิ่มจุดเดือดและป้องกันสนิม การหมั่นตรวจสอบระดับและคุณภาพของคูลแลนท์สำคัญมาก หากน้ำยาเปลี่ยนเป็นสีสนิมหรือมีตะกอน ควรเปลี่ยนถ่ายยกชุดพร้อมทำความสะอาดหม้อน้ำ
- วาล์วน้ำและเทอร์โมสตัท ชิ้นส่วนเหล่านี้ทำหน้าที่ควบคุมอุณหภูมิให้คงที่ หากวาล์วเปิดปิดไม่สมบูรณ์ จะทำให้เครื่องยนต์ทำงานที่อุณหภูมิสูงเกินไป
การจัดการความร้อนของเกียร์
- การขับขี่รถบนทางลาดชันเป็นเวลานาน หรือการลากจูงหนักจะทำให้เกียร์ร้อนจัด ควรหลีกเลี่ยงการขับรถในลักษณะกระชาก โดยเฉพาะเกียร์ออโต้
- ติดตั้งออยล์คูลเลอร์เกียร์ สำหรับรถที่ใช้งานหนัก หรือรถที่มีปัญหาเรื่องความร้อนของเกียร์ เพื่อช่วยลดอุณหภูมิการทำงาน
3. ขับรถยนต์แบบถนอมเกียร์
ถ้าหากอยากให้รถยนต์ใช้งานได้นานๆ การขับรถยนต์แบบถนอมคือส่วนที่สำคัญที่สุด แค่ปรับพฤติกรรมการใช้งานเล็กน้อยสามารถช่วยลดภาระต่อระบบของรถยนต์ได้แล้ว
หลีกเลี่ยงการเร่งเครื่องกะทันหัน
การเหยียบคันเร่งแบบกะทันหันและลากรอบสูง ๆ เป็นการสร้างภาระต่อเครื่องยนต์และเกียร์ ถ้าอยากถนอมรถก็ควรเร่งเครื่องอย่างนุ่มนวล และให้เกียร์เปลี่ยนในรอบที่เหมาะสม
ใช้เบรกมือเมื่อจอดบนทางลาดชัน
เมื่อจอดรถเกียร์อัตโนมัติบนทางลาดชัน ควรกระทำตามขั้นตอน คือ เหยียบเบรก > เข้าเกียร์ N > ดึงเบรกมือ > ปล่อยเบรกเท้าเล็กน้อย > เข้าเกียร์ P การทำเช่นนี้จะช่วยให้เกียร์ไม่รับน้ำหนักรถทั้งหมด (P-Lock) ช่วยป้องกันเกียร์เสียหายได้ในระยะยาว
อุ่นเครื่องยนต์ (Warm-up) ก่อนใช้งาน
หลังสตาร์ทรถตอนเช้า ให้รอประมาณ 30 วินาทีถึง 1 นาที เพื่อให้น้ำมันหล่อลื่นไหลเวียนทั่วถึง จากนั้นค่อย ๆ ขับออกตัวด้วยความเร็วต่ำในช่วง 1-2 กม. แรก เพื่อให้เครื่องยนต์และเกียร์ค่อย ๆ เข้าสู่อุณหภูมิทำงาน ไม่ควรเร่งเครื่องทันทีที่สตาร์ท

4. หมั่นตรวจสอบความผิดปกติของรถ
เจ้าของรถควรสังเกตสัญญาณเตือนของรถอยู่เสมอ เมื่อเกิดปัญหาขึ้นจะได้ตรวจสอบและแก้ไขได้ทันท่วงที ก่อนที่ปัญหาเล็กจะกลายเป็นปัญหาใหญ่
รถมีเสียงผิดปกติ
หากได้ยินเสียงหอนจากห้องเครื่องหรือห้องเกียร์ เสียงดังแต๊ก ๆ ขณะสตาร์ทเครื่อง (วาล์วหรือสายพาน) ควรรีบนำเข้าตรวจสอบทันที
น้ำมันมีสีที่เปลี่ยนไป
น้ำมันเครื่องที่ดีควรมีสีอำพันใส (แม้จะคล้ำขึ้นเมื่อใช้งาน) หากน้ำมันมีสีขาวขุ่นคล้ายนม หมายถึงน้ำเข้าสู่ระบบเครื่องยนต์ (ปะเก็นฝาสูบมีปัญหา) หรือหากน้ำมันเกียร์มีสีดำเข้มหรือมีกลิ่นไหม้รุนแรง แสดงว่ามีการสะสมความร้อนสูงและต้องเปลี่ยนถ่ายทันที
เกียร์ตอบสนองช้า
หากเกียร์เปลี่ยนช้าลง มีอาการกระตุก หรือมีอาการลื่น (เร่งเครื่องแล้วรอบขึ้น แต่ความเร็วไม่เพิ่ม) นี่คือสัญญาณอันตรายที่ต้องหยุดใช้งาน ควรรีบปรึกษาช่างผู้เชี่ยวชาญด้านเกียร์โดยเฉพาะ
การดูแลเครื่องยนต์และเกียร์อย่างถูกวิธีตามหลักการ 4 ข้อนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณขับรถได้อย่างมั่นใจไปอีก 10 ปี แต่ยังช่วย รักษามูลค่าของรถมือสอง ให้สูงขึ้นอีกด้วย เมื่อถึงเวลาที่คุณต้องการขายต่อ รถที่มีประวัติการดูแลเครื่องยนต์และเกียร์ที่สมบูรณ์จะสามารถสร้างราคาขายที่ดีกว่าอย่างแน่นอน
ช่องทางการติดต่อ JUSTCAR
JUSTCAR ตัวกลางซื้อขายรถยนต์มือสองครบวงจร
ที่ตั้ง : เลขที่ 12/555 หมู่ที่ 15 อาคาร ส. ทาวเวอร์ ชั้นที่ 10 ทางคู่ขนาน ถ.บางนา-ตราด ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ 10540
เบอร์โทรติดต่อ : 02-114-3928 (สำนักงานใหญ่บางนา)
เวลาเปิดทำการ : 08:30 19:00 น.
Google Map : https://maps.app.goo.gl/uDgXVW5YYVzNSYZd7