JUST CAR ขายรถมือสองได้ราคาดีที่สุด ขายออกไว รับเงินทันที ไม่มีกดราคา

สัญญาซื้อขายรถยนต์ที่ถูกกฎหมาย 100% ต้องมีรายละเอียดอะไรบ้าง?

การทำเรื่องซื้อขายรถยนต์มือสองสักคัน มีขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการทำธุรกรรมคือ “การลงนามในสัญญาซื้อขาย” ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อควรรู้ก่อนว่า รายละเอียดสัญญาที่ไม่รัดกุมหรือไม่สมบูรณ์ อาจทำให้เกิดปัญหาทางกฎหมายได้หลังจากซื้อขาย และส่งผลกระทบทางการเงินในภายหลังได้อีกด้วย

บทความนี้จาก JUST CAR ผู้เชี่ยวชาญด้านรถมือสอง จะพาคุณเจาะลึกทุกรายละเอียดของสัญญาซื้อขายรถยนต์ที่ถูกต้องตามกฎหมายและเป็นธรรม เพื่อให้มั่นใจได้ว่าทุกขั้นตอนในการซื้อขายของคุณจะปลอดภัยและโปร่งใส 100%

สัญญาซื้อขายรถยนต์ สำคัญยังไง?

สัญญาซื้อขายรถยนต์ ไม่ใช่แค่เอกสารทางธุรกิจเท่านั้น แต่ยังเป็นหลักฐานทางกฎหมายด้วย หลักฐานนี้จะใช้ยืนยันการโอนกรรมสิทธิ์ แสดงถึงการตกลงร่วมกันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย หากเกิดข้อพิพาทในภายหลัง สัญญาฉบับนี้จะใช้เป็นหลักฐานในชั้นศาล ดังนั้น การตรวจสอบรายละเอียดทุกบรรทัดจึงเป็นเรื่องสำคัญ ห้ามมองข้ามเด็ดขาด เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เช่น ปัญหาเรื่องการโอนกรรมสิทธิ์ ปัญหาเรื่องสภาพรถหรือการรับประกันไม่เป็นไปตามที่ได้ตกลงกัน รวมถึงปัญหาความรับผิดชอบในหนี้สินหรือภาระผูกพันเดิมของรถ

3 องค์ประกอบสำคัญ สัญญาที่ถูกกฎหมายต้องครบถ้วน

สัญญาซื้อขายรถยนต์ที่สมบูรณ์ตามหลักกฎหมาย ต้องประกอบด้วยรายละเอียดหลัก 3 ส่วน ซึ่งใช้ในการรับรองความถูกต้องของธุรกรรม

1. รายละเอียดคู่สัญญา 

สัญญาต้องมีรายละเอียดระบุตัวตนของผู้ซื้อและผู้ขายอย่างชัดเจน ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อยืนยันว่าบุคคลที่ลงนามมีสิทธิและกำลังดำเนินการซื้อขายจริง

  • ข้อมูลผู้ซื้อ ชื่อ-นามสกุล, ที่อยู่ปัจจุบันที่ชัดเจน, หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน, เบอร์โทรศัพท์ติดต่อและอีเมล
  • กรณีผู้ขายเป็นบุคคลธรรมดา ใช้ข้อมูลเช่นเดียวกับผู้ซื้อ 
  • กรณีผู้ขายเป็นร้านค้า/บริษัท (เช่น JUST CAR) ต้องระบุ ชื่อบริษัท/ห้างร้าน, เลขทะเบียนนิติบุคคล, ที่ตั้งสำนักงานใหญ่ และชื่อผู้มีอำนาจลงนาม พร้อมตำแหน่ง
  • วันที่ทำสัญญา ระบุวัน เดือน ปี ชัดเจน เพื่อใช้เป็นหลักฐานเริ่มนับอายุสัญญาและเงื่อนไขการรับประกัน

2. รายละเอียดทรัพย์สิน

ข้อมูลรถต้องตรงกับเอกสารราชการทุกประการ เช่น สมุดคู่มือจดทะเบียน เพื่อป้องกันปัญหาการโอนกรรมสิทธิ์หรือการสวมทะเบียน

  • ข้อมูลตัวรถยนต์ ยี่ห้อ รุ่น และปีที่ผลิต/ปีจดทะเบียน, สีรถ, หมายเลขทะเบียนปัจจุบัน
  • หมายเลขตัวถัง (Chassis Number) เป็นรายละเอียดที่สำคัญที่สุดในการยืนยันตัวตนของรถ (ต้องตรงกับสมุดคู่มือ)
  • หมายเลขเครื่องยนต์ (Engine Number) เพื่อป้องกันปัญหาการสวมทะเบียน
  • เลขไมล์ ณ วันที่ทำสัญญา (ควรระบุให้ชัดเจนและถ่ายภาพประกอบไว้)
  • สถานะทางกฎหมายของรถ ระบุว่ารถมีการติดจำนำ, ติดภาระทางไฟแนนซ์, หรือปลอดภาระแล้ว (ถ้าปลอดภาระ ควรระบุว่า “ผู้ขายยืนยันว่ารถคันนี้ปลอดภาระผูกพันใด ๆ”)

3. เงื่อนไขการซื้อขายและการชำระเงิน

ส่วนนี้เป็นหัวใจของสัญญาที่ต้องระบุเงื่อนไขการตกลงกันอย่างละเอียดและชัดเจน เพื่อป้องกันการตีความที่ผิดพลาดในภายหลัง

ราคาซื้อขายและเงื่อนไขการชำระเงิน

  • ราคาสุทธิ ระบุตัวเลขและตัวอักษรให้ตรงกัน
  • เงินมัดจำ จำนวนเงินมัดจำที่ชำระ, วันที่ชำระ, และเงื่อนไขการริบมัดจำหากผู้ซื้อผิดสัญญา
  • การชำระส่วนที่เหลือ กำหนดวัน เวลา และวิธีการชำระเงินส่วนที่เหลือ
  • ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ (ถ้ามี) เช่น ค่าโอนกรรมสิทธิ์, ค่าธรรมเนียม, ค่าต่อภาษี, ค่าประกันภัย (ระบุให้ชัดเจนว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบ)

รายละเอียดเชิงลึกที่ต้องมีในสัญญา

นอกเหนือจาก 3 ส่วนหลักข้างต้น สัญญาซื้อขายรถมือสองที่ดีและเป็นธรรมต้องมี ข้อตกลงพิเศษ ที่สะท้อนความรับผิดชอบของผู้ขายและปกป้องผลประโยชน์ของผู้ซื้อ ซึ่งเป็นสิ่งที่ JUST CAR ให้ความสำคัญเสมอ

1. ข้อกำหนดเรื่องการรับประกันสภาพรถ (Warranty)

  • ระยะเวลาการรับประกัน ระบุชัดเจนว่ามีการรับประกันเครื่องยนต์และเกียร์เป็นระยะเวลาเท่าไหร่ (เช่น 3 เดือน หรือ 5,000 กม. แล้วแต่กรณี)
  • ข้อยกเว้นการรับประกัน ระบุชิ้นส่วนที่ไม่ได้รับประกัน (เช่น วัสดุสิ้นเปลือง, ยาง, แบตเตอรี่) อย่างชัดเจน
  • คำยืนยันเรื่องประวัติรถ ผู้ขายต้องยืนยันว่า รถคันนี้ไม่เคยผ่านการชนหนัก, จมน้ำ, หรือไฟไหม้ หากตรวจสอบพบภายหลัง ผู้ซื้อมีสิทธิยกเลิกสัญญาและได้รับเงินคืนเต็มจำนวน

2. กำหนดการโอนกรรมสิทธิ์

  • ระบุว่าผู้ขายจะดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ให้แล้วเสร็จภายในกี่วัน นับจากวันที่ผู้ซื้อชำระเงินครบถ้วน
  • ระบุเอกสารที่ผู้ขายต้องมอบให้ผู้ซื้อ (เช่น สมุดคู่มือ, สัญญาปล่อยรถจากไฟแนนซ์เดิม)

3. การรับผิดชอบในภาระผูกพันเดิม

  • สัญญาควรระบุอย่างชัดเจนว่าผู้ขายรับผิดชอบในค่าปรับ, ค่าธรรมเนียม, หรือภาระผูกพันทางกฎหมายใด ๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าวันทำสัญญา เพื่อป้องกันผู้ซื้อต้องรับผิดชอบเรื่องที่ตนเองไม่ได้ก่อ

4. การบอกเลิกสัญญา

  • ระบุเงื่อนไขที่อนุญาตให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งบอกเลิกสัญญาได้ เช่น หากผู้ซื้อไม่สามารถจัดไฟแนนซ์ได้, หรือหากผู้ขายไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ตามกำหนด (พร้อมระบุเงื่อนไขการคืนเงินมัดจำ)

เช็คลิสก่อนเซ็นสัญญาซื้อขายรถยนต์

เมื่ออ่านและทำความเข้าใจรายละเอียดทั้งหมดแล้ว ก่อนลงนามเซ็นสัญญา แนะนำให้ตรวจสอบ 4 ข้อสุดท้ายนี้อีกครั้ง

  1. ความถูกต้องของข้อมูล ข้อมูลรถ (หมายเลขตัวถัง/เครื่องยนต์/เลขไมล์) และข้อมูลบุคคล ต้องตรงกับบัตรประชาชน/ทะเบียนรถทุกตัวอักษร
  2. การลงนาม ผู้ซื้อ ผู้ขาย และพยาน (ถ้ามี) ต้องลงนามในเอกสาร ทุกหน้า (ไม่ใช่แค่หน้าสุดท้าย) พร้อมขีดคร่อมปิดท้ายข้อความที่ไม่เป็นช่องว่างเพื่อป้องกันการเพิ่มเติมข้อความภายหลัง
  3. การมีพยาน การมีพยานที่บรรลุนิติภาวะอย่างน้อย 1-2 คน จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือทางกฎหมาย
  4. สำเนา ผู้ซื้อและผู้ขายต้องเก็บสัญญาต้นฉบับไว้คนละ 1 ฉบับ (หรือถ่ายสำเนาที่ประทับตรารับรองความถูกต้อง)

การลงทุนซื้อรถยนต์มือสองจะไม่น่ากังวลอีกต่อไป หากเริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจในสัญญาซื้อขายรถยนต์อย่างละเอียดถี่ถ้วน JUST CAR มุ่งมั่นในการใช้สัญญาที่เป็นมาตรฐาน ถูกต้องตามกฎหมาย 100% และมีความโปร่งใสในทุกรายละเอียด เพื่อมอบความมั่นใจสูงสุดให้กับลูกค้าของเรา

เต็นท์รถ JUST CAR ใช้สัญญามาตรฐานที่ผ่านการตรวจสอบทางกฎหมาย พร้อมการรับประกันสภาพรถที่ชัดเจน คลิกเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสัญญาและสต็อกรถยนต์คุณภาพของเราได้ทันที

ช่องทางการติดต่อ JUSTCAR

JUSTCAR ตัวกลางซื้อขายรถยนต์มือสองครบวงจร
ที่ตั้ง : เลขที่ 12/555 หมู่ที่ 15 อาคาร ส. ทาวเวอร์ ชั้นที่ 10 ทางคู่ขนาน ถ.บางนา-ตราด ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ 10540
เบอร์โทรติดต่อ : 02-114-3928 (สำนักงานใหญ่บางนา)
เวลาเปิดทำการ : 08:30 19:00 น.
Google Map : https://maps.app.goo.gl/uDgXVW5YYVzNSYZd7 

หากบทความของเราเป็นประโยชน์แก่ท่าน แชร์ให้กับคนรอบตัวด้วยนะครับ
Scroll to Top