กระแสของรถไฟฟ้า EV ทำให้หลายคนเริ่มตั้งคำถามว่า “ถูกกว่ารถน้ำมันจริงไหม โดยเฉพาะค่าบำรุงรักษาในระยะยาว” เมื่อดูในมุมการใช้งานจริง โดยเฉพาะการขับขี่ระยะยาว 100,000 กิโลเมตร ตัวเลขชัดเจนว่ารถ EV มีต้นทุนดูแลต่ำกว่ารถน้ำมันอย่างเห็นได้ชัด ทั้งจากโครงสร้างของตัวรถและจำนวนชิ้นส่วนที่ต้องดูแล
ทำไมรถไฟฟ้า EV ถึงมีค่าบำรุงรักษาถูกกว่ารถน้ำมัน?
หัวใจสำคัญคือ ระบบขับเคลื่อนที่เรียบง่ายกว่าอย่างมาก รถ EV ไม่มีระบบที่ซับซ้อนแบบรถน้ำมัน เช่น เครื่องยนต์สันดาป น้ำมันเครื่อง หัวเทียน ระบบท่อไอเสีย หรือเกียร์อัตโนมัติแบบดั้งเดิม ทำให้ค่าใช้จ่ายส่วนนี้หายไปเกือบทั้งหมด
นอกจากนี้ แบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้าออกแบบมาให้ทนทาน และมีการสึกหรอของชิ้นส่วนต่ำกว่ารถน้ำมันหลายเท่า การดูแลที่จำเป็นจึงเหลือเพียงงานพื้นฐาน เช่น น้ำยาหล่อเย็น มอเตอร์ ห้องโดยสาร ยาง และแบตเตอรี่ลิเทียมในระยะยาว
ค่าบำรุงรักษารถไฟฟ้า EV ตลอด 100,000 กม. อยู่ประมาณเท่าไหร่?
โดยเฉลี่ย รถไฟฟ้า EV ใช้ค่าดูแลตลอด 100,000 กิโลเมตรเพียงประมาณ 8,000-10,000 บาท ค่าใช้จ่ายหลักที่พบคือ
- การเช็กระบบเบรก
- การเปลี่ยนไส้กรองอากาศห้องโดยสาร
- น้ำยาหล่อเย็นแบตเตอรี่ (เปลี่ยนเป็นรอบๆ)
- การหมุนยางและตรวจสภาพทั่วไป
แม้แต่ระบบเบรก รถ EV ยังสึกหรอน้อยกว่ารถน้ำมัน เพราะใช้ระบบ Regenerative Braking ที่ช่วยชะลอรถพร้อมคืนพลังงานกลับสู่แบตเตอรี่ เบรกจึงใช้งานน้อยลงและอยู่ได้นานขึ้น
แล้วรถน้ำมันล่ะ ใช้จ่ายเท่าไหร่ใน 100,000 กม.?
หากเป็นรถน้ำมันทั่วไป ค่าบำรุงรักษาตลอดระยะ 100,000 กม. จะอยู่ประมาณ 20,000 – 27,000 บาท สาเหตุเพราะมีรายการที่ต้องทำบ่อยกว่าและมีชิ้นส่วนสึกหรอมากกว่า เช่น
- เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุก 5,000-10,000 กม.
- เปลี่ยนกรองน้ำมันเครื่อง กรองอากาศ
- เช็กหัวเทียนและระบบจุดระเบิด
- เปลี่ยนน้ำมันเกียร์
- ค่าแรงตรวจเช็กเครื่องยนต์ต่างๆ
รายการเหล่านี้ถือเป็นค่าใช้จ่ายที่เลี่ยงไม่ได้สำหรับรถน้ำมัน แม้จะดูเหมือนไม่มาก แต่เมื่อรวมทั้งหมดใน 100,000 กม. ตัวเลขจะสูงกว่ารถไฟฟ้าอย่างชัดเจน
ตัวเลขเปรียบเทียบแบบเห็นภาพ
| ประเภทรถ | ค่าบำรุงรักษา ระยะ 100,000 กม. | รายการดูแลที่ต้องทำบ่อย |
| รถไฟฟ้า EV | 8,000 – 10,000 บาท | ตรวจระบบเบรก, น้ำยาหล่อเย็น, หมุนยาง |
| รถน้ำมัน | 20,000 – 27,000 บาท | น้ำมันเครื่อง, กรอง, หัวเทียน, น้ำมันเกียร์ |
จากตัวเลขจะเห็นได้ว่ารถ EV มีต้นทุนดูแลต่ำกว่า 2-3 เท่า เมื่อวิ่งครบ 100,000 กิโลเมตร
รถน้ำมันยังมีข้อดีกว่าไหม?
แน่นอน ข้อดีของรถน้ำมันคือ
- รองรับการเดินทางไกลได้สะดวก ไม่ต้องกังวลสถานีชาร์จ
- ระบบบริการหลังการขายมีครอบคลุมทั่วประเทศ
- ราคาซ่อมบางรายการอาจถูกกว่าในกรณีอะไหล่ทั่วไป
แต่เมื่อลองคิดในระยะยาวเรื่องค่าใช้จ่ายการดูแล รถไฟฟ้ามักได้เปรียบกว่าอย่างชัดเจน
สำหรับคนที่กำลังเลือกระหว่างรถน้ำมันและรถไฟฟ้า EV เพราะหากคุณเป็นคนขับรถเยอะ หรือใช้งานเกินปีละ 20,000 กม. ขึ้นไป รถ EV จะประหยัดค่าบำรุงรักษาระยะยาวได้มากกว่า เหมาะกับการใช้งานในเมืองและวิ่งระยะกลาง ส่วนรถน้ำมันยังเหมาะกับผู้ที่ต้องเดินทางไกลเป็นประจำ ต้องใช้งานต่อเนื่องโดยไม่ต้องรอชาร์จ
สุดท้าย การเลือกควรพิจารณาจากะการใช้งานจริงของคุณเป็นหลัก แต่ในมุมองของค่าดูแลตลอด 100,000 กิโลเมตร รถไฟฟ้า EV คือตัวเลือกที่คุ้มค่ากว่า
ช่องทางการติดต่อ JUSTCARJUSTCAR ตัวกลางซื้อขายรถยนต์มือสองครบวงจร
ที่ตั้ง : เลขที่ 12/555 หมู่ที่ 15 อาคาร ส. ทาวเวอร์ ชั้นที่ 10 ทางคู่ขนาน ถ.บางนา-ตราด ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ 10540
เบอร์โทรติดต่อ : 02-114-3928 (สำนักงานใหญ่บางนา)
เวลาเปิดทำการ : 08:30 19:00 น.
Google Map : https://maps.app.goo.gl/uDgXVW5YYVzNSYZd7