การขับขี่ในช่วงเทศกาลหรือช่วงดื่มหนักของหลายคน หากต้องเดินทางกลับที่พักหรือบ้านและเกิดการดื่มหนักมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยครั้งในประเทศไทย
หน่วยงานของไทยได้ออก พ.ร.บ. มาตราการบังคับใช้เพื่อควบคุมพฤติกรรมของผู้ขับขี่ภายใต้ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์หรือที่เรียกว่า “เมาแล้วขับ” เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและมีบทลงโทษที่เข้มงวดในประเทศไทย โดยในปี 2568 กฎหมายได้กำหนดโทษสำหรับผู้กระทำผิด ดังนี้

ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดที่ถือว่าผิดกฎหมาย
- 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ขึ้นไป สำหรับผู้ขับขี่ทั่วไป
- 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ขึ้นไป สำหรับผู้ขับขี่ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์, ผู้ไม่มีใบอนุญาตขับขี่, ผู้ที่อยู่ระหว่างถูกพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่, และผู้ที่มีใบอนุญาตขับขี่ชั่วคราว
บทลงโทษสำหรับการเมาแล้วขับ
- กรณีทั่วไป จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับตั้งแต่ 5,000 – 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พักใช้ใบอนุญาตขับขี่ไม่น้อยกว่า 6 เดือน
- กรณีทำผิดซ้ำภายใน 2 ปี จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับตั้งแต่ 50,000 – 100,000 บาท พักใช้ใบอนุญาตขับขี่ไม่น้อยกว่า 1 ปี หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ citeturn0search2
- กรณีเมาแล้วขับจนทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ จำคุกตั้งแต่ 1 – 5 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000 – 100,000 บาท พักใช้ใบอนุญาตขับขี่ไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่
- กรณีเมาแล้วขับจนทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส จำคุกตั้งแต่ 2 – 6 ปี ปรับตั้งแต่ 40,000 – 120,000 บาท พักใช้ใบอนุญาตขับขี่ไม่น้อยกว่า 2 ปี
- กรณีเมาแล้วขับจนทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จำคุกตั้งแต่ 3 – 10 ปี ปรับตั้งแต่ 60,000 – 200,000 บาท เพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ทันที
การปฏิเสธการตรวจวัดแอลกอฮอล์
หากผู้ขับขี่ปฏิเสธการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ จะถือว่าเป็นการยอมรับว่าเมาแล้วขับทันที โดยมีโทษดังนี้
- จำคุกไม่เกิน 1 ปี
- ปรับตั้งแต่ 10,000 – 20,000 บาท
- พักใช้ใบอนุญาตขับขี่ไม่น้อยกว่า 6 เดือน
ผลกระทบของการเมาแล้วขับ
- อุบัติเหตุร้ายแรงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ทำให้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต
- ผลทางกฎหมายอาจถูกปรับ จำคุก หรือถูกยึดใบขับขี่
- ความเสียหายทางเศรษฐกิจค่ารักษาพยาบาล ค่าซ่อมรถ และค่าปรับที่สูง
- กระทบต่อครอบครัวและสังคมสร้างความสูญเสียให้ครอบครัว และอาจทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน
- เสียชื่อเสียงและอนาคตกระทบต่อการงานในช่วงของการรักษาตัวเอง
อย่างไรก็ตาม หากเกิดอาการเมาแล้วขับไม่เพียงแต่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุและการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตของทั้งตนเองและผู้อื่น แต่ยังมีผลกระทบทางกฎหมายที่รุนแรง ดังนั้น เพื่อความปลอดภัย ควรหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หากต้องขับขี่ยานพาหนะ หรือใช้บริการขนส่งสาธารณะหรือแท็กซี่แทน เพื่อความปลอดภัยสำหรับตัวท่านและทุกชีวิตบนท้องถนน เพราะในช่วงที่เราเมาจะแทบไม่มีสติและเดือดร้อนคนอื่นได้