การตัดสินใจซื้อรถมือสองด้วยการผ่อนชำระถือเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับหลายคน เพราะช่วยให้เรามีรถใช้โดยไม่ต้องจ่ายเงินก้อนใหญ่ในครั้งเดียว แต่สิ่งสำคัญที่หลายคนอาจมองข้าม คือการคำนวณค่าใช้จ่ายให้พอดีกับงบประมาณที่มี เพื่อไม่ให้เกิดภาระทางการเงินเกินตัวจนลำบากในระยะยาว
วิธีคำนวณค่าใช้จ่ายเมื่ออยากผ่อนรถมือสอง ให้ไม่เกินงบที่ตั้งไว้ ต้องเตรียมอะไรบ้าง และมีเรื่องไหนที่ควรระวังเป็นพิเศษ
ทำไมต้องวางแผนก่อนผ่อนรถมือสอง
แม้รถมือสองจะมีราคาย่อมเยากว่ารถใหม่ แต่ก็ยังถือเป็นการผูกพันทางการเงินในระยะยาว การผ่อนรถโดยไม่วางแผนให้ดี อาจทำให้เกิดปัญหาในอนาคต เช่น ผ่อนไม่ไหว เกิดค่าใช้จ่ายซ่อนเร้น หรือทำให้ต้องขาดส่งจนรถถูกยึด
การคำนวณให้รอบด้านก่อนตัดสินใจจึงช่วยลดความเสี่ยง และทำให้เราควบคุมงบประมาณได้ดีขึ้น
เริ่มจากรู้จำนวนเงินที่เราพร้อมจ่ายจริง
ก่อนจะเริ่มมองหารถ ลองนั่งคำนวณดูว่ารายได้ต่อเดือนของเรามีเท่าไหร่ และอยากใช้จ่ายผ่อนรถในแต่ละเดือนเท่าไหร่ ถึงจะไม่ทำให้ชีวิตประจำวันเราต้องตึงจนเกินไป โดยทั่วไปแนะนำว่าไม่ควรใช้เงินผ่อนรถเกิน 30-40% ของรายได้ต่อเดือน
เช่น หากรายได้เดือนละ 20,000 บาท ก็ควรตั้งงบผ่อนรถไม่เกิน 6,000 – 8,000 บาทต่อเดือน เพื่อให้มีเงินเหลือใช้จ่ายในเรื่องอื่น ๆ เช่น ค่ากินอยู่ ค่าน้ำมัน หรือค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน
รู้จักเงินดาวน์ ที่ส่งผลต่อยอดผ่อน
เงินดาวน์ คือจำนวนเงินที่เราต้องจ่ายล่วงหน้าเมื่อตกลงซื้อรถ การมีเงินดาวน์เยอะจะช่วยลดยอดผ่อนรายเดือน และลดดอกเบี้ยที่จะต้องจ่ายด้วย
สมมติรถมือสองราคา 300,000 บาท ถ้าเรามีเงินดาวน์ 60,000 บาท จะเหลือยอดผ่อน 240,000 บาท และถ้าเลือกผ่อน 5 ปี (60 เดือน) เราก็เอาจำนวนเงินนี้มาคำนวณกับดอกเบี้ยเพื่อหาค่างวดรายเดือน
ถ้าอยากผ่อนสบาย ๆ การวางเงินดาวน์ให้สูงหน่อยจะช่วยได้เยอะจริง ๆ ค่ะ
วิธีคำนวณค่าใช้จ่ายในการผ่อนรถมือสองแบบเข้าใจง่าย
ดอกเบี้ยเป็นสิ่งที่คนซื้อรถมือสองไม่ควรมองข้าม เพราะจะส่งผลให้ยอดเงินที่จ่ายจริงสูงกว่าราคารถหลายหมื่นบาทขึ้นไป การเลือกไฟแนนซ์ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำหรือโปรโมชั่นดี ๆ จะช่วยลดภาระนี้ได้มาก
1. รู้ราคาจริงของรถ
เริ่มจากเลือกรถที่คุณสนใจ พร้อมเช็กราคารถมือสอง
2. คำนวณเงินดาวน์
โดยทั่วไปผู้ซื้อควรดาวน์อย่างน้อย 15-25% ของราคารถ เพื่อช่วยลดภาระค่างวดและดอกเบี้ย เช่น
- ราคารถ 400,000 บาท
- ดาวน์ 20% = 80,000 บาท
3. เลือกระยะเวลาผ่อนที่เหมาะสม
ระยะเวลาผ่อนมีผลต่อค่างวด ยิ่งผ่อนนาน ค่างวดจะยิ่งน้อย แต่ดอกเบี้ยรวมจะสูงขึ้น แนะนำให้เลือกผ่อนไม่เกิน 60 เดือน (5 ปี) เพื่อควบคุมภาระหนี้
4. คำนวณค่างวดรายเดือนเบื้องต้น
ค่างวด = (ราคารถ – เงินดาวน์) + ดอกเบี้ย
สมมติว่าผ่อน 5 ปี (60 เดือน) ดอกเบี้ย 3.5% ต่อปี
- ราคารถ 400,000
- ดาวน์ 80,000
- ยอดจัดไฟแนนซ์ 320,000
- ดอกเบี้ยรวม 5 ปี = 320,000 x 3.5% x 5 = 56,000
- รวมเป็นเงินที่ต้องผ่อน 376,000
- ค่างวดต่อเดือน = 376,000 ÷ 60 ≈ 6,267 บาท
5. อย่าลืมค่าใช้จ่ายแฝง
หลายคนมักลืมนึกถึงค่าใช้จ่ายต่อเดือนอื่น ๆ เช่น
- ค่าประกันภัย (ภาคสมัครใจหรือชั้น 1 มือสอง)
- ค่าพรบ. และภาษีรถยนต์รายปี
- ค่าบำรุงรักษา (เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง, ยาง, แบตเตอรี่)
- ค่าน้ำมันหรือค่าไฟ (หากเป็นรถ EV)
รวมแล้วอาจเพิ่มอีกประมาณ 2,000 – 4,000 บาท/เดือน ขึ้นอยู่กับรุ่นและการใช้งาน
สัดส่วนค่างวดรถต่อรายได้ ควรเป็นเท่าไร
แนะนำให้ “ค่างวดรถ + ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับรถทั้งหมด” ไม่ควรเกิน 20-25% ของรายได้ต่อเดือน เช่น รายได้ 30,000 บาทต่อเดือน งบรวมที่เหมาะสมสำหรับผ่อนรถมือสอง ไม่เกิน 7,500 บาทต่อเดือน
หากเกินกว่านี้ อาจทำให้คุณต้องลดคุณภาพชีวิตด้านอื่น ๆ หรือเกิดปัญหาสภาพคล่องได้
การผ่อนรถมือสองไม่ใช่เรื่องน่ากลัว ถ้าคุณวางแผนดีและรู้วิธีคำนวณค่าใช้จ่ายให้ไม่เกินกำลังตัวเอง รถดี ๆ ที่เหมาะกับงบของคุณมีอยู่จริง และการมีรถก็อาจช่วยเปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้ชีวิตอีกหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางที่สะดวกขึ้น งานที่ไกลขึ้น หรือความเป็นอิสระที่คุณเลือกได้
ถ้าทำตามนี้ รับรองว่าการซื้อรถมือสองด้วยการผ่อน จะไม่ทำให้คุณต้องเครียดกับการเงิน และยังมีความสุขกับรถคันใหม่ในฝันได้อย่างสบายใจค่ะ