ไขคำตอบ ทำไมเบี้ยประกันรถเก่าถึงถูกกว่ารถใหม่?

หลายคนที่กำลังคิดจะซื้อรถมือสองหรือเตรียมขายรถมือสอง อาจเคยสงสัยว่าทำไมเบี้ยประกันรถเก่าถึงถูกกว่ารถใหม่ป้ายแดง ทั้งที่การใช้งานจริงก็ยังต้องการความคุ้มครองเหมือนกัน เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ความรู้สึก แต่เกี่ยวข้องกับหลักการคำนวณเบี้ยโดยตรง เพราะบริษัทประกันจะอ้างอิงจากมูลค่ารถ อายุการใช้งาน และความเสี่ยงที่ต้องจ่ายค่าสินไหม รถใหม่มูลค่าสูงจึงต้องจ่ายเบี้ยแพงกว่า ส่วนรถเก่าที่ราคาตลาดลดลงตามเวลา เบี้ยก็ถูกลงตามไปด้วย

มูลค่ารถยนต์ สำคัญต่อการคำนวณเบี้ย

พื้นฐานที่สุดของการกำหนดเบี้ยประกันอยู่ที่มูลค่ารถยนต์ ยิ่งรถมีมูลค่ามาก บริษัทประกันก็ต้องแบกรับความเสี่ยงสูง หากเกิดอุบัติเหตุแล้วต้องชดเชยค่าเสียหาย รถใหม่ที่เพิ่งออกจากศูนย์มีมูลค่าเต็ม ราคาหลักหลายแสนถึงล้านบาท ในขณะที่รถที่ใช้งานมาแล้ว 5–7 ปี มูลค่าตลาดอาจลดลงเกินครึ่ง นี่คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้เบี้ยประกันถูกลง

มูลค่าที่ลดลงนี้สอดคล้องกับราคาตลาดของ ขายรถมือสอง เช่น หากรถรุ่นเดียวกันแต่ต่างปีผลิต ราคาขายต่อก็แตกต่างหลายหมื่นถึงแสนบาท และบริษัทประกันใช้ข้อมูลนี้เป็นเกณฑ์กำหนดเบี้ย รถที่อายุใช้งานมากกว่าย่อมมีเบี้ยประกันที่เบาลงตามไปด้วย

อายุการใช้งานและสภาพรถ

ปัจจัยที่ทำให้เบี้ยประกันรถเก่าถูกคืออายุการใช้งาน รถที่ผ่านการใช้งานมาหลายปีมีแนวโน้มค่าซ่อมแซมสูงขึ้น แต่เมื่อเทียบกับมูลค่ารถแล้ว ค่าใช้จ่ายในการชดเชยยังน้อยกว่ารถใหม่มาก บริษัทประกันจึงไม่จำเป็นต้องเก็บเบี้ยสูง

เช่น รถใหม่ป้ายแดงมูลค่า 900,000 บาท ถ้าเกิดอุบัติเหตุเสียหายหนัก บริษัทอาจต้องจ่ายเต็มเกือบทั้งหมด แต่ถ้าเป็นรถอายุ 8 ปี มูลค่าเหลือเพียง 300,000 บาท แม้เกิดอุบัติเหตุในระดับเดียวกัน ค่าเสียหายที่ต้องจ่ายก็ลดลงเหลือแค่หนึ่งในสาม นี่คือความแตกต่างที่เห็นภาพชัด

ประเภทประกันและความคุ้มครอง

เบี้ยประกันของรถเก่ายังถูกลงเพราะผู้ใช้ส่วนใหญ่มักเลือกความคุ้มครองที่เหมาะกับสภาพรถ ไม่จำเป็นต้องทำประกันชั้น 1 ที่เบี้ยสูงเสมอไป รถที่อายุเกิน 7–10 ปี เจ้าของหลายคนหันไปเลือกประกันชั้น 2+ หรือชั้น 3+ ซึ่งยังให้ความคุ้มครองกรณีชนกับคู่กรณีและความเสียหายต่อชีวิต ทรัพย์สิน แต่เบี้ยประกันถูกกว่าชั้น 1 หลายพันบาท

สำหรับผู้ที่เพิ่ง ซื้อรถมือสอง การเลือกประเภทประกันที่เหมาะสมสำคัญมาก รถที่มีราคาตลาดไม่สูงอาจไม่จำเป็นต้องจ่ายเบี้ยหลักหมื่นเพื่อคุ้มครองเต็มรูปแบบ แต่ควรเลือกแบบที่ครอบคลุมเหตุการณ์ที่มีความเสี่ยงสูงที่สุดในชีวิตประจำวัน

เปรียบเทียบเบี้ยรถใหม่กับรถเก่า

ความแตกต่างนี้แสดงให้เห็นว่าคนที่ตัดสินใจ ซื้อรถมือสอง ได้เปรียบด้านค่าเบี้ยประกัน เพราะสามารถเลือกความคุ้มครองที่คุ้มค่าและเหมาะสมกับสภาพรถมากกว่า

เบี้ยประกันกับการวางแผน ขายรถมือสอง

ประกันไม่ได้มีผลเฉพาะตอนใช้งาน แต่ยังมีผลตอน ขายรถมือสอง ด้วย รถที่มีประวัติการทำประกันต่อเนื่องและไม่มีประวัติเคลมรุนแรง มักสร้างความมั่นใจให้ผู้ซื้อ ราคาขายต่อจึงสูงกว่า และการแสดงหลักฐานการมีประกันยังช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้รถคันนั้น

การต่อประกันอย่างสม่ำเสมอ แม้เป็นประกันชั้น 2+ หรือ 3+ ก็ยังช่วยเสริมมูลค่าเวลาขายรถ และทำให้การเจรจาต่อรองง่ายขึ้น

วิธีเลือกประกันรถเก่าให้คุ้มค่า

คนที่เพิ่ง ซื้อรถมือสอง หรือใช้งานรถอายุมากแล้วควรพิจารณาเลือกประกันตามปัจจัยเหล่านี้

• มูลค่าตลาดของรถ ถ้าราคาต่ำกว่า 300,000 บาท ไม่จำเป็นต้องทำชั้น 1
• ลักษณะการใช้งาน ใช้งานในเมืองอาจเน้นคุ้มครองอุบัติเหตุเล็กน้อย แต่ถ้าเดินทางไกลควรเลือกคุ้มครองกว้างขึ้น
• ประวัติการขับขี่ คนที่ไม่ค่อยมีอุบัติเหตุอาจเลือกประกันราคาประหยัดได้
• ความน่าเชื่อถือของบริษัท เลือกบริษัทที่มีชื่อเสียงและบริการเคลมรวดเร็ว

สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ค่าใช้จ่ายเหมาะสม ไม่จ่ายแพงเกินจำเป็น และยังมั่นใจได้ว่าการ ซื้อรถมือสอง จะได้รับการคุ้มครองที่ตรงจุดที่สุด

เบี้ยประกันรถเก่าถูกกว่ารถใหม่เพราะมูลค่าตลาดที่ลดลง ความเสี่ยงในการจ่ายค่าสินไหมน้อยลง และเจ้าของรถสามารถเลือกประเภทความคุ้มครองที่เหมาะสมกับสภาพรถได้มากกว่า นี่จึงเป็นข้อได้เปรียบของผู้ที่กำลังวางแผน ซื้อรถมือสอง เพราะไม่เพียงได้รถที่ราคาถูกกว่าป้ายแดง แต่ค่าเบี้ยประกันยังประหยัดกว่ามาก

สำหรับคนที่เตรียม ขายรถมือสอง ก็สามารถใช้ประกันเป็นเครื่องมือเพิ่มความน่าเชื่อถือ ทำให้รถขายได้เร็วขึ้นและราคาดีขึ้นด้วย ดังนั้นไม่ว่าจะอยู่ฝั่งผู้ซื้อหรือผู้ขาย การเข้าใจเรื่องเบี้ยประกันรถเก่าจึงช่วยให้วางแผนทั้งค่าใช้จ่ายและความปลอดภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด