รถมือสอง ทางเลือกของคนอยากมีรถ แต่มีข้อจำกัดด้านงบประมาณ หรือต้องการประหยัดเงิน วันนี้เรามีวิธีเลือกรถมือสองแบบสุดคุ้ม รับรองว่าได้ตรงใจ และไม่กระทบเงินในกระเป๋าอย่างแน่นอน
1. กำหนดงบประมาณ
ลำดับแรกที่เราต้องทำคือ การกำหนดงบประมาณที่เราสามารถจ่ายไหว และไม่ลำบาก โดยอาจจะทำกำหนดราคาแบบบวกลบเอาไว้ เช่น 300,000 บาท แต่สามารถเพิ่มได้สูงสุด 350,000 บาท
การกำหนดงบประมาณมีความสำคัญมาก นอกจากจะเป็นการกำหนดจำนวนเงินที่เราสามารถจ่ายไหวแล้ว ยังเป็นการจำกัดตัวเลือกให้แก่ตัวเอง และเวลาที่เซลล์สอบถามก็จะได้แนะนำรถที่ใช่ให้เราได้เลย
2. ลิสต์ความต้องการในการใช้รถ
เมื่อรู้งบประมาณแล้ว วิธีเลือกรถมือสองให้ง่ายและมีประสิทธิภาพ คือ การลิสต์ความต้องการและวัตถุประสงค์ในการใช้งานของเรา เช่น ขับรถระยะทางใกล้ไปส่งลูกเรียนหรือซื้อของที่ตลาด ขับรถไปทำงานในเมือง ขนสินค้าไปขายที่ตลาดนัด
นอกจากนี้ เรายังสามารถกำหนดความต้องการแบบเฉพาะเจาะจง เช่น ต้องการเบาะผ้าหรือเบาะหนัง เครื่องเสียงแบบมีบลูทูธในตัว ฯลฯ
3. ค้นหารุ่นรถที่ตรงกับความต้องการ
เราอาจจะเลือกรถจากรูปลักษณ์หรือดีไซน์ที่เราชื่นชอบ เลือกจากออปชัน เมื่อได้รุ่นที่เราสนใจแล้ว ให้เราเข้าไปอ่านรีวิวรถรุ่นดังกล่าวในอินเทอร์เน็ต หรือในกลุ่มเครือข่ายสังคมออนไลน์
ข้อดีของการซื้อรถมือสองก็คือ เรามีวิธีดูรถมือสองว่าเหมาะกับเราหรือไม่จากรีวิวของผู้ที่ใช้จริง เพราะหากว่าเราซื้อรถรุ่นใหม่ ๆ มา อาจจะไม่มีรีวิวให้เราอ่านมากนัก นอกจากนี้ ให้เราโฟกัสปัญหาที่พบบ่อย ๆ เกี่ยวกับรถรุ่นดังกล่าว หากว่าเรารับได้ ก็ไปที่ข้อต่อไปได้เลย
4. เลือกแหล่งซื้อที่น่าเชื่อถือ
สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งก็คือ การเลือกซื้อรถมือสองจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ มีการรับรองคุณภาพรถ และสามารถตรวจสอบได้ เพราะจะช่วยเราดับเบิลเช็กสภาพรถในทุกด้าน และไม่ต้องกังวลเรื่องโกง หรือว่าบิดเบือนข้อมูล
นอกจากนี้ แหล่งซื้อที่ดีจะมีการซัปพอร์ตในทุกด้าน ทั้งเรื่องวิธีเลือกรถมือสอง และเรื่องการเงิน
5. ตรวจสอบประวัติการใช้งาน
วิธีดูรถมือสองในเบื้องต้น เราจะต้องสอบถามรายละเอียดการใช้งานของรถในทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นระยะเวลาที่ใช้งาน เลขไมล์ ใช้งานลักษณะไหน เคยเกิดอุบัติเหตุหนักหรือไม่ เปลี่ยนกี่เจ้าของ มีประวัติซ่อมหนักหรือไม่ ไปจนถึงการบำรุงรักษาเครื่องยนต์
สิ่งเหล่านี้ นอกจากจะช่วยบอกสภาพรถแล้ว ยังช่วยในเรื่องของการต่อรองราคาที่เหมาะสมอีกด้วย
![วิธีดูรถมือสองละเอียดแบบมืออาชีพ](https://wordpress-test.justcar.co.th/wp-content/uploads/2023/12/car-repairman-wearing-white-uniform-standing-holding-wrench-that-is-essential-tool-mechanic-with-laptop-checking-engine-1024x683.jpg)
6. เช็กสภาพรถยนต์ทุกอย่าง
มาถึงขั้นตอนสำคัญ คือ การนัดดูรถ ซึ่งเราจะต้องตรวจสอบสภาพรถทุกอย่าง โดยมีจุดที่ควรจะตรวจสอบดังต่อไปนี้
- สีรถ มีรอยถลอก หรือร่องรอยอะไรหรือไม่ ที่สำคัญคือ ร่องรอยการทำสีรถจะบ่งบอกว่ารถคันนี้เคยมีประวัติการชนหนักหรือคว่ำมาก่อนหรือไม่
- รูปทรงของตัวรถโดยรวม มีจุดไหนที่ผิดปกติหรือไม่ เพื่อตรวจสอบว่ารถเคยผ่านการดัดแปลงสภาพรถหรือเคยชนหนักหรือไม่
- ห้องเครื่อง ดูว่ามีรอยทำสี หรือมีสภาพที่แตกต่างไปจากตอนออกจากโรงงานหรือไม่
- คานหน้ารถ ท้องรถ ดูรูปทรงว่ามีบิดเบี้ยว หรือผิดปกติหรือไม่
- ระบบปรับอากาศ ต้องเย็นฉ่ำ เพื่อป้องกันปัญหาบานปลายในอนาคต
- ตรวจสอบสภาพในห้องโดยสารโดยรวม ว่าอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์พร้อมใช้งานหรือไม่
หลังจากที่ตรวจสภาพรถยนต์เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนที่จะขาดไปไม่ได้ก็คือ การทดลองขับจริง เพื่อฟังเสียงที่ผิดปกติระหว่างการขับขี่ พร้อมกับดูว่า อัตราเร่งและระบบเบรกมีความผิดปกติหรือไม่
7. ประเมินราคาที่เหมาะสม
เมื่อดูสภาพรถแล้ว ก็ถึงเวลาประเมินราคาที่เหมาะสม ให้เราพิจารณาว่าราคาที่เสนอมากับสภาพรถเหมาะสมกันหรือไม่ พร้อมต่อรองราคาให้มีความยุติธรรมที่สุด ซึ่งหากเราพิจารณาดูแล้วว่าต้องนำไปซ่อมแซมหรือปรับปรุงหลายรายการ ทำให้งบบานปลาย ก็อาจจะมองหาตัวเลือกเพิ่มเติมได้เช่นกัน
8. ให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบสภาพเครื่องยนต์อย่างละเอียด
หากว่าผ่านทุกขั้นตอนไปได้ วิธีเลือกรถมือสองข้อสุดท้ายก็คือ การให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเครื่องยนต์อย่างละเอียดก่อนที่จะชำระเงิน
ซื้อรถมือสองที่ JUST CAR เรารับประกันคุณภาพรถยนต์โดยผู้เชี่ยวชาญ ตรวจสอบทั้งภายใน และภายนอกกว่า 200 จุด พร้อมดูแลโดยทีมงานมืออาชีพพร้อมให้คำปรึกษาวิธีเลือกรถมือสอง การันตีคุณภาพและความพึงพอใจ ปรึกษาเราได้เลยที่ 02-114-3928
ติดต่อขอคำปรึกษาเรื่องรถมือสองได้เลยที่ JUST CAR ทุกสาขา หรือช่องทางดังนี้
Tel : 02-114-3928
Facebook : JUST CAR ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจรถมือสองครบวงจร
Youtube : @justcar.official