หลายคนที่กำลังตัดสินใจเลือกซื้อรถมือสอง อาจเคยได้ยินคำว่า ‘โอนลอย’ อยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากเป็นการโอนซึ่งเป็นที่นิยมในการซื้อขายรถอย่างมาก แต่สำหรับมือใหม่ก็อาจทำให้เกิดความสับสนไม่แน่ใจ ว่าโอนลอยคืออะไร ปลอดภัยสำหรับการซื้อรถยนต์มือสองหรือไม่ เราจึงจะพามาทำความเข้าใจการโอนลอยให้มากขึ้นกัน
การโอนลอยคืออะไร
กรมการขนส่งทางบกได้นิยามความหมายไว้ว่า เป็นการทำธุรกรรมที่เจ้าของรถได้ขายรถและทำการลงนามในเอกสารการโอนรถ รวมถึงใบมอบอำนาจให้แก่ผู้ซื้อ แต่กรรมสิทธิ์ยังไม่ถูกเปลี่ยนไปเป็นของผู้ซื้อโดยสมบูรณ์ มีเพียงสัญญาการซื้อขายที่ยืนยันได้ว่ารถคันนี้ถูกขายแล้ว เพราะยังไม่มีการกรอกชื่อผู้รับโอน หรืออาจมีชื่อผู้รับโอนแล้วแต่ไม่ได้ทำการดำเนินการให้เรียบร้อยที่สำนักงานขนส่ง จึงยังไม่ถือว่ามีผลสมบูรณ์ตามกฎหมาย ซึ่งผู้ซื้อต้องนำเอกสารไปดำเนินการต่อที่กรมขนส่งฯ
เอกสารที่จำเป็นต้องใช้
ในการทำสัญญาซื้อขายรถยนต์ด้วยการโอนลอย จะต้องมีการตรวจสอบเอกสารและข้อมูลให้ถูกต้องครบถ้วน เนื่องจากการโอนลอยไม่มีผลสมบูรณ์หากยังไม่ได้ไปดำเนินการโอนที่กรมขนส่งฯ โดยจะต้องใช้เอกสาร ดังนี้
- หนังสือสัญญาซื้อขาย
- เล่มทะเบียนรถตัวจริง
- สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาบัตรประชาชน พร้อมลายเซ็นถูกต้องของเจ้าของรถคนล่าสุด
- สำเนาบัตรประชาชน พร้อมลายเซ็นถูกต้องของผู้ซื้อ (ในกรณีที่เจ้าของรถขายต่อกับผู้ซื้อโดยตรง)
- แบบคำขอโอนและรับโอนจากกรมการขนส่งทางบก พร้อมลายเซ็นถูกต้องของเจ้าของรถคนล่าสุด
- หนังสือมอบอำนาจจากกรมการขนส่งทางบก พร้อมลายเซ็นถูกต้องของเจ้าของรถคนล่าสุด (ในกรณีที่เจ้าของรถไม่ได้ไปทำเรื่องโอนที่กรมขนส่งฯ เอง สามารถให้บุคคลอื่นหรือบุคคลที่ซื้อรถต่อ ไปทำเรื่องโอนแทนได้)
ข้อดีของการโอนลอย
การทำสัญญาซื้อขายรถยนต์ด้วยการโอนลอยนับเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับทุกฝ่าย ดังนี้
- สะดวกสบาย
เจ้าของรถยนต์สามารถจัดทำเอกสารเตรียมรอไว้ให้คนกลาง หรือผู้ซื้อโดยตรงได้เลย รวมถึงเต็นท์รถมือสอง หรือเว็บซื้อขายรถมือสองก็สามารถรับเอกสารโอนลอยจากผู้ขายรถยนต์ได้โดยไม่ต้องไปขอเอกสารเพิ่มเติมเมื่อมีการซื้อขาย และไม่ต้องไปกรมขนส่งฯ เพื่อทำเรื่องให้รถแต่ละคันเพราะสามารถให้ผู้ซื้อดำเนินการต่อได้เอง
- เป็นเจ้าของรถยนต์ได้รวดเร็ว ไม่เสียเวลา
เนื่องจากเจ้าของรถยนต์สามารถเซ็นโอนลอยเพื่อให้เจ้าของรถคันใหม่เป็นผู้ดำเนินเรื่องการโอนเองได้ จึงทำให้ผู้ซื้อสามารถได้รถในทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลารอวันว่างตรงกันของทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย เพื่อไปทำเรื่องโอนกรรมสิทธิ์รถที่กรมขนส่งฯ ร่วมกัน
ข้อควรระวัง
แน่นอนว่าแม้จะมีข้อดีที่อำนวยความสะดวกมากมาย แต่ก็ยังมีสิ่งต้องระวังที่อาจส่งผลกระทบต่อทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย ดังนี้
- ความเสี่ยงต่อผู้ขาย
หากผู้ซื้อยังไม่ได้ทำเรื่องโอนชื่อที่กรมขนส่งฯ หากผู้ซื้อขับรถไปกระทำความผิด เมื่อโดนตรวจสอบจากป้ายทะเบียน ผู้ขายซึ่งเป็นเจ้าของรถเดิมที่มีชื่อตามเล่มทะเบียนต้องรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น
- ผู้ซื้ออาจได้รถที่สวมรอยทะเบียน
หากไม่ทำการตรวจสอบให้ดี อาจเสี่ยงได้รถสวมทะเบียนขาย ซึ่งอาจเป็นรถที่ถูกโจรกรรม หรือมีสภาพเก่าแก่เกินกว่ารถในทะเบียนจริง
- ไม่สามารถทำการโอนรถได้อย่างสมบูรณ์
หากเจอผู้ขายที่มีเจตนาไม่โปร่งใสก็อาจเกิดปัญหาได้ เช่น มีการให้เอกสารที่หมดอายุ ทำให้ไม่สามารถดำเนินการโอนทางทะเบียนได้ หรือกรณีรถถูกเปลี่ยนเครื่องหรือเลขตัวถังโดยไม่ได้ทำการแจ้งลงเล่ม ก็อาจทำให้ผู้ซื้อไม่สามารถโอนรถเป็นชื่อตนเองได้ ซึ่งหากผู้ซื้อไม่มีชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ก็จะทำให้ไม่สามารถดำเนินการทางทะเบียนได้เลย
หากไม่อยากเสี่ยงกับปัญหาการโดนโกง ต้องเลือกซื้อรถอย่างมั่นใจ ป้องกันตั้งแต่แรกกับ JUST CAR ผู้ให้บริการซื้อขายรถยนต์มือสอง ที่พร้อมให้ความเชื่อมั่นว่าคุณจะได้รับรถยนต์คุณภาพดี ที่ผ่านการตรวจสอบทั้งภายในและภายนอกกว่า 200 จุด ครอบคลุมเรื่องรถมือสองครบจบในที่เดียว! สนใจติดต่อได้เลยที่ 02-114-3928
ไม่อยากขายรถเสี่ยง ๆ ติดต่อ JUST CAR ได้ทุกช่องทาง
Tel : 02-114-3928
Facebook : JUST CAR ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจรถมือสองครบวงจร
Youtube : @justcar.official